วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2558

Excalibur ประวัติของสุดยอดดาบในตำนาน


เรื่องของกษัตริย์อาร์เธอร์แห่งบริเทนนั้น เป็นตำนานเล่าต่อกันมา ซึ่งมีหลายเวอร์ชั่น มาก จะมีตัวตนจริงหรือไม่ ก็ไม่รู้แน่จึงขอรวบรวมเอามาเล่าในรูปแบบของ เมทัลบริด นะครับ เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงยุคกลางของยุโรป ราวคริสต์ศตวรรษที่ 5 ซึ่งตอนนั้น เกาะอังกฤษ มีเผ่าชนเถื่อน บุกรุกราน และสับสนวุ่นวายด้วยการรบ ระหว่างฝ่าย ไบรตันพื้นเมืองกับแซกซัน จากเยอรมัน กษัตริย์ วอร์ติเกิร์น แห่งไบรตันได้อพยพผู้คนมาอยู่ที่เวลส์ โดยมีเด็กชายชื่อ เมอร์ลิน มาด้วย เขาเป็นเด็กที่มีอำนาจเวทมนตร์ เพราะมีบิดาเป็นพ่อมดและมารดาเป็นเจ้าหญิงซึ่งเมอร์ลินนี่เองที่เป็นตัวละครสำคัญในเรื่องราวที่จะเล่านี้เพราะเขาเป็นพ่อมดที่เก่งกาจที่สุดในยุคนั้นและยังเป็นผู้ชี้นำสิ่งต่างๆให้กับ กษัตริย์อาเธอร์อีกด้วย

Excalibur-sword-(1)
รูปภาพของเมอร์ลินสุดยอดพ่อมดแห่งยุค ที่ปรึกษาหลักของ กษัตริย์อูเธอร์และอาเธอร์

บัลลังของอณาจักรบริเทนที่สั่นคลอนมาซักระยะใหญ่ๆ จนต่อมาบัลลังก์ตกเป็นของ อูเธอร์ เพนดรากอน ผู้แอบมีสัมพันธ์สวาทกับเลดี้ ไอเยอร์น่า ภริยาดยุกแห่งคอร์นวอลล์ ทารกที่ปฏิสนธิขึ้นในครรภ์คืนนั้นก็คือ อาร์เธอร์นั่นเองซึ่งผู้เป็นที่ปรึกษาให้กับ อูเธอร์ เพนดรากอน นั้นไม่ใช่ใคร ก็คือเมอร์ลินนั่นเอง เมอร์ลินเป็นผู้พา อูเธอร์ ไปเอาดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ จากทะเลสาบ ซึ่ง เทพธิดาแห่งทะเลสาป (เลดี้ออฟเดอะเลค) ได้ชูดาบนี้ขึ้นมา เหนือน้ำ เพื่อมอบให้กับ อูเธอร์ หลังจากนั้น อูเธอร์ก็ทำการรวบรวมแผ่นดินจนเกือบได้ชัยชนะเด็ดขาด กล่าวกันว่าดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์นั้นสามารถตัดได้ทุกอย่างไม่เว้นแม้กระทั้งเหล็กกล้า และปลอกของดาบก็มีพลังวิเศษคือ ผู้ที่ครอบครองจะไม่ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ และหากผู้ครอบครองทำลายศัตรูด้วยอาวุธใดๆก็ตาม บาดแผลของศัตรูจะไม่ได้มีเลือดออกมาจากปากแผล (ซึ่งถ้าเป็นจริง กษัตริย์อาเธอร์คงไร้เทียมทานเลยก็ว่าได้)


Excalibur-sword-(2)

แต่อูเธอร์นั้นไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นกษัตริย์อย่างที่ควรจะเป็น กลับไม่ดูแลบ้านเมือง จนทำให้เมอร์ลินสุดจะทนไหว เมอร์ลินจึงวางแผนให้ อูเธอร์ตามตนไปที่ถภูเขาหินยักษ์ลูกหนึ่ง แล้วขอยืมดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ จากอูเธอร์ ด้วยความไว้วางใจ อูเธอร์จึงมอบให้โดยไม่ได้เอะใจอะไร  เมื่อนั้นเองเมอร์ลินได้ใช้เวทมนต์ปักดาบลงบนหินก้อนใหญ่ แล้วพูดกับภูเขาว่า ขอฝากดาบเล่มนี้ไว้จนกว่าจะมี ทายาทแห่งกษัตริย์ที่แท้จริงมารับมันไป และได้มีคำจารึกไว้ว่า “ผู้ใดที่สามารถชักดาบขึ้นจากแท่งหินนี้ได้ เขาผู้นั้นจะได้ ครอบครองแผ่นดินทั้งปวงบนเกาะอังกฤษ” (กล่าวกันว่าภูเขาลูกนั้นคือร่างของเทพไททันนั่นเอง) จึงทำให้ดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์  มีอีกชื่อหนึ่งว่า ดาบในศิลา (Sword in the Stone)หลังจากที่ อูเธอร์เสียรู้ให้กับเมอร์ลิน ก็แทบไม่ทำการดูแลบ้านเมืองจนทำให้บ้านเมืองไร้ผู้นำ จนกระทั่งอูเธอร์เสียชีวิตลง แผ่นดินลุกเป็นไฟ เพราะไร้ผู้ครองบัลลังก์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานถึง 15 ปี


Excalibur-sword-(4)

อีก 15 ปีต่อมา มีผู้ที่อยากขึ้นเป็นกษัตริย์มากมาย ไปลองดึงดาบ แต่ก็ไร้ผล บัลลังก์ยังคงว่างอยู่ เพราะสภาสูงแห่งบริเทน จะยอมรับเฉพาะผู้ที่สามารถดึงดาบออกจากหินได้เท่านั้น และช่วงนั้นเองที่เมอร์ลินได้พา เด็กหนุ่มอาเธอ์ มาพร้อมกับความหวังที่จะเป็นยอดกษัตรย์ และไม่ต้องสงสัย เด็กหนุ่มอาเธอร์ สามารถดึงดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ ออกมาได้อย่างง่ายดาย


Excalibur-sword-(7)

แสดงถึงความเป็นทายาทแห่งบัลลังก์โดยแท้จริง หลังจากอาร์เธอร์ได้ขึ้นครองบัลลังก์ พระองค์ทรง ปราบอริราชศัตรูจนหมดสิ้น ไม่ว่าจะพวกแซกซัน สกอตแลนด์ ไอร์แลนด์ นอร์เวย์ เดนมาร์ก ฝรั่งเศส ฯลฯ โดยมีเมอร์ลินผู้วิเศษ เป็นที่ปรึกษาคนสำคัญ


Excalibur-sword-(12)

หลังจากขึ้นครองราชย์ กษัตริย์อาเธอร์ ได้ก่อตั้งกลุ่มอัศวินโต๊ะกลมขึ้นมา (Knights of the Round Table) เป็นชื่อกลุ่มคนที่ได้รับแต่งตั้งเกียรติยศอย่างสูงสุดในราชสำนักของกษัตริย์อาเธอร์ ในชุดตำนานที่ปรากฏในตำนานแห่งบริเทน โต๊ะกลมอันเป็นโต๊ะประชุมของพวกเขานั้นสร้างขึ้นเพื่อสื่อถึงความเท่าเทียมกันของสมาชิกทุกคน ไม่มีด้านหัวหรือด้านท้าย วรรณกรรมเกี่ยวกับกษัตริย์อาเธอร์แต่ละเรื่องอาจจะกล่าวถึงจำนวนอัศวินที่ไม่เท่ากัน ตั้งแต่ 12-150 คน หรือมากกว่านั้น สำหรับ Winchester Round Table ซึ่งบันทึกในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1270 มีรายชื่ออัศวินทั้งสิ้น 25 คน


Excalibur-sword-(14)

เรื่องราวการผจญภัยอันน่าตื่นเต้นของบรรดา เหล่าอัศวินโต๊ะกลมของกษัตริย์อาร์เธอร์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการออกตระเวนเพื่อค้นหา จอกศักดิ์สิทธิ์ (The Holy Grail) ของพระไครสท์ อัศวินทั้งหลายจึงต้องออกล่าจอกศักดิ์สิทธิ์กันอย่างจ้าละหวั่น เพื่อตำแหน่งอภิอัศวินอันเป็นสุดยอด



Excalibur-sword-(6)

หลังจากแลนเซล็อตกลับจากการค้นหา จอกศักดิ์สิทธิ์ด้วยความผิดหวังนั้น เขาก็ได้แอบมีสัมพันธ์กับราชินีกวินีเวียร์ (ซึ่งบางตำนานกล่าวว่าทั้งสอง รักกันตั้งแต่ กวินีเวียร์ยังมิได้สมรสกับ อาร์เธอร์) เมื่อมอร์เดร็ด ได้เผอิญเห็นเข้า จึงเป็น เรื่องใหญ่ อาร์เธอร์ กับแลนเซล็อต ซึ่งเคยรักใคร่เป็นสหายสนิท ก็ต้องแตกกัน เหล่าอัศวิน แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งจงรักภักดีต่ออาร์เธอร์ อีกกลุ่มหนึ่งเข้าข้างแลนเซล็อต เกิดเป็นศึกกลางเมืองขึ้น เหล่าอัศวินโต๊ะกลมส่วนใหญ่ ต่างเสียชีวิตในศึกครั้งนี้ และมอร์เดร็ด ซึ่งต้องการเป็นใหญ่ ครอบครองบัลลังก์ ก็ถูกอาร์เธอร์สังหารด้วยหอก แต่อาร์เธอร์เองก็ถูกอาวุธของ มอร์เดร็ดบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน


Excalibur-sword-(15)


ก่อนสิ้นพระชน อาร์เธอร์ได้มอบ เอ็กซ์คาลิเบอร์ให้ เซอร์เบเดเวียร์ อัศวินที่ยังเหลืออยู่ เพื่อนำเอาไปคืนยัง ทะเลสาบ ถิ่นเดิมของมัน เมื่อเบเดเวียร์ขว้างดาบ วิเศษนั้นไป ในทะเลสาบ ก็มีแขนชูขึ้นจาก น้ำมารับดาบไป


Excalibur-sword-(3)
รูปภาพ กษัตริย์อาเธอร์บอกให้เซอร์เบเดเวียร์นำดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ไปคืนเทพธิดาแห่งทะเลสาป


Excalibur-sword-(11)
รูปภาพ เซอร์เบเดเวียร์นำดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ไปคืนเทพธิดาแห่งทะเลสาป

พระศพของอาร์เธอร์ถูกนำล่อง ไปบนแพไม้ โดยมีเทพธิดานางฟ้า ห้อมล้อม มอร์แกน เลอ เฟย์ กับเลดี้ออฟเดอะเลค ก็ร่วมไปในแพไม้นั้นด้วย และจะนำอาร์เธอร์ไปสู่ อวารอน อันเป็นดินแดนสรวงสวรรค์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น